เขา(แกะศิลป์ชาวบ้าน) หลวงปู่ผมยาว วัดพระแท่น อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี
|
|||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||
ส่งข้อความ
|
|||||||||||||||||
ชื่อร้านค้า
|
(กอล์ฟ + มน) พระเครื่อง | ||||||||||||||||
โดย
|
mon37 | ||||||||||||||||
ประเภทพระเครื่อง
|
เครื่องราง | ||||||||||||||||
ชื่อพระ
|
เขา(แกะศิลป์ชาวบ้าน) หลวงปู่ผมยาว วัดพระแท่น อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี |
||||||||||||||||
รายละเอียด
|
ในบรรดา ลูกศิษย์(หลวงพ่อพิบูลย์)นั้น (พ่อผมยาว) ออกจะพิสดารที่สุด (พ่อผมยาว) ท่านนี้เป็นผู้ทึ่มีบุคลิกพิสดาร ไม่ใช่พระภิกษุ ไม่ใช่คนปกติอย่างเราท่าน จะเรียกว่าเป็นคนที่อยู่ในจำพวก(ฤาษี) ก็ดูจะพอเป็นไปได้มาก (พ่อผมยาว) มาอยู่กับ(หลวงพ่อพิบูลย์) ในสมัยที่(หลวงพ่อพิบูลย์)ยังไม่ถูกคุมตัวไป พิจารณาสอบสวนเอาโทษ จะเข้ามาก่อนหรือหลังคนอื่นไม่ทราบ แต่ถือว่าเข้ามาอยู่ร่วมยุคสมัยเดียวกัน (พ่อผมยาว) มีพฤติกรรมแปลกๆน่าสนใจหลายอย่าง รวมทั้งมีอภินิหารจนชาวบ้านออกจะเกรงใจไม่น้อย การมาอยู่ วัดพระแท่น นั้น ปรากฏในหนังสือประวัติว่า(หลวงพ่อพิบูลย์) ให้คนไปตามตัวมาอยู่ด้วย ดูๆไปคล้ายกับว่า (วัดพระแท่น) จะเป็นสถานที่อีกแห่งที่รวบรวมเอายอดวิทยายุทธ์ มาอยู่ด้วยกัน เป็นเสี้ยวลิ้มยี่ในยุคนั้นว่างั้นเถิด พ่อผมยาว มีนามเดิมว่า( ติ่ง) อยู่บ้านหนองลี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี (บิดาชื่อ แถว,มารดาชื่อ คำภา) ไม่ทราบนามสกุล ครอบครัว(พ่อผมยาว) อพยพมาอยู่ บ้านตาลศาลจอด ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนครราวๆปี 2450 อยู่ที่นี่ปีเดียวก็ย้ายมาอยู่ บ้านเพียปู่ ต.ไชยวาน อ.หนองหาร จ.อุดรธานี บ้านเพียปู่ ปี 2462 พ่อผมยาวอายุ 20 ถ้วน ระหว่างงานบุญฉลองหมู่บ้าน ทุกคนกำลังมีความสุขสนุกสนานเบิกบานกันเต็มที่ มิคาด, ไฟเกิดลุกไหม้เรือนราษฎรในหมู่บ้านหลังหนึ่ง ความสุขสนุกสนานของผู้คนมลายพลัน ทุกคนหันหน้าเข้าหาเรือนไฟ และประสานมือกันดับไฟก่อนจะลามไหม้ไปทั้งหมู่บ้าน ไฟดับแล้ว ความรื่นเริงย่อมดับไปด้วย ไฟเกิดขึ้นเองได้หรือไม่ ไฟย่อมมีผู้จุด ผู้ใดจุดเล่า บุรุษผู้กำลังเมามายผู้นี้เป็นผู้จุด บุรุษผู้นี้เป็นผู้ใด เป็น(พ่อผมยาว) นั่นแหละครับ พ่อผมยาว ที่เริ่มแผลงฤทธิ์ ด้วยการจุดไฟเผาบ้านเรือนชาวบ้านเพียปู่ โชคดีที่ดับได้ทัน ก่อนจะลามไปบ้านเรือนข้างเคียง พ่อผมยาวถูกจับทำโทษ โดยมัดไว้กับเสารั้วจนงานบุญเสร็จจึงได้ปล่อยตัว ต่อมาก็หนีเกณฑ์ทหาร โดยหนีย้อนกลับไปทางบ้านเกิดที่ปราจีนบุรีแล้วหายตัวไป ไม่มีใครทราบข่าวคราว ระหว่างที่หายไปนี้ พ่อผมยาวกับพวกพ้องอีก 7 คน ชวนกันไปเรียนวิชากับฤษีองค์หนึ่ง อยู่เขตกบินจันทคาม เมืองสมังกันผี วิชาที่เรียนเรียกว่า ธรรมใหญ่ ห้าร้อยชาติ เรียนอยู่ 7 วัน ก็แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ในที่สุดก็หายสูญจากกันทั้งหมด เมืองสมังกันผี อยู่ที่ไหนไม่ทราบ แต่ฟังชื่อแล้วออกจะเป็นเขมรยังไงชอบกล นานพอสมควรพ่อผมยาวมาโผล่ที่วัดนอก หรือวัดสามัคคีบำเพ็ญบุญในปัจจุบัน วัดนี้อยู่ในเขตบ้านหนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี อยู่วัดนอกสมัยแรกๆไม่พูดไม่จา ใครคุยด้วยไม่คุย ผมเผ้ายาวรุงรังเลยเป็นที่กำเนิดชื่อ พ่อผมยาวอยู่ที่นี่เอง เพราะไม่พูดคนก็นึกว่าบ้า เด็กๆพากันล้อเล่นเห็นสนุก บางทีก็ขว้างปาด้วยก้อนหินมั่ง ท่อนไม้มั่ง ได้รับความลำบากมาก กระทั่งมีคนๆหนึ่งชื่อ ธรรมสุข ทนสมเพชสงสารไม่ไหว จึงเอาตัวพ่อผมยาวออกจากที่นั่น มาอยู่ที่ริมหนองเจ้าฟ้าหวังจะให้พ้นทุกข์จากคนกลั่นแกล้ง แต่ไม่พ้น คนกลับตามากลั่นแกล้งถนัดขึ้น เพราะพ่อผมยาวออกมาอยู่ไกลตาผู้คน ยิ่งกลั่นแกล้งได้ถนัดกว่าเก่า นึกว่าจะดี กลับแย่กว่าเดิมกลายเป็นคนบ้าที่ใครอยากจะแกล้งก็เอา เพราะว่าพ่อผมยาวไม่เคยสู้ คนบ้านไชยวานเข้าไปสนทนาซักถามในฐานที่เคยรู้จักกัน พ่อผมยาวก็ไม่พูดด้วย ครั้นโดนซักถามหนักๆเข้าก็หันหลังให้เลย ทีนี้คนหวังดีจะพากลับบ้าน ก็เลยกลายเป็นหวังร้าย คว้าก้อนหินไล่ขว้างผสมโรงกับเด็กๆที่จ้องจะแกล้งไปด้วยกัน ได้รังมดแดงมา ก็เอามาเคาะใส่หัว ให้มดแดงรุมกัด พ่อผมยาวก็ไม่สู้เหมือนเดิม เรื่อง คนรังแกพ่อผมยาวนี้ร้อนไปถึงหลวงพ่อพิบูลย์ ท่านได้บัญชาให้นายจันดีไปเอาตัวพ่อผมยาวมาอยู่วัดพระแท่น และยกกุฏิให้อยู่ต่างหากหลังหนึ่งิ พ่อผมยาวจึงพ้นเคราะห์ ต่อมาหลวงพ่อพิบูลย์ถูกคณะสงฆ์ และทางราชการจับตัวไป ลูกศิษย์ทุกคนก็แตกฉานส่านกระเซ็นไปคนละทิศละทาง แต่ว่ามีพ่อผมยาวผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่หนีไปไหน ยังคงพำนักอยู่วัดพระแท่น ตามลำพัง ในการถูกจับกุมครั้งแรกนี้ ญาคูสายบัวได้ถูกจับกุมด้วย โดยถูกทำโทษคุมตัวอยู่วัดกู่บ้านจีต ส่วนหลวงพ่อพิบูลย์อยู่เกาะสีชัง 3 ปี ครั้นเหตุการณ์ร้ายคลี่คลายลง หลวงพ่อพิบูลย์กลับมาอยู่วัดพระแท่น ลูกศิษย์ลูกหาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งญาคูสายบัวซึ่งพ้นโทษแล้วก็กลับมาด้วย แต่ไม่ได้เป็นพระภิกษุเหมือนเดิม กลายเป็นฆราวาสที่ยังไม่ทิ้งสายรัดปะคดเอว คือใช้รัดปะคดแทนเข็มขัดนั่นเอง ในที่สุดการจับกุมตัวหลวงพ่อพิบูลย์ครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น ลูกศิษย์ลูกหาแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางอีกครั้งหนึ่ง คงมีแต่พ่อผมยาวผู้เดียวที่อยู่วัดพระแท่นเหมือนเก่า การจับกุมตัวครั้งที่ 2 ยาวนานกว่าครั้งแรกคือ 15 ปี ระหว่างนี้พ่อผมยาวจะเริ่มพูดเริ่มจาบ้างแล้วครับ ถึงบทพ่อผมยาวพูด คนที่ได้ยินก็แตกหนีหมด เพราะเหตุว่าทุกคำพูดที่เริ่มออกจากปากพ่อผมยาว ล้วนเป็น คำด่าทั้งสิ้น ห่ากินผี ผีกินห่า นี่เป็นคำพูดประจำปากพ่อผมยาว ใครเข้ามาใกล้ เป็นอันว่าได้รับแจกคำด่าแบบไม่จำกัดจำนวน วัดพระแท่นตอนนั้นเหมือนบ้านแตกสาแหรกขาด แต่ก็ยังมีพ่อผมยาวอยู่โยงเฝ้าวัด ในที่สุดก็แทบจะกลายเป็นวัดร้าง เพราะว่ามีแต่เสียงด่าของพ่อผมยาว คนก็เผ่นหนีกันหมด ร้อนถึงสามเณรอ่อนสี ซึ่งหนีภัยไปอยู่ที่วัดร้างแห่งหนึ่งในเขตบ้านคำเก่า ต.ไชยวาน ได้ย้อนกลับมาเอาตัวพ่อผมยาวไปอยู่ด้วย ปรากฏว่าเดี๋ยวเดียวก็ทนเสียงด่าของพ่อผมยาวไม่ไหว จึงพามาอยู่ศาลาที่พักคนเดินทางที่บ้านคำหล่ม ซึ่งเป็นศาลาโดดเดี่ยวระหว่างบ้านท่ากบิน อ.สว่างแดนดิน กับบ้านปะยาว อ.กุมภวาปี ปัจจุบันคืออำเภอวังสามหมอ ศาลานี้เป็นศาลาที่อาจารย์คุ้มสร้างไว้เป็นที่พักคนเดินทาง ต้องเข้าใจนะครับว่าสมัยนั้นเป็นป่าดงดิบ เส้นทางที่มีนั้นไม่ใช่ซุปเปอร์ไฮเวย์อย่างทุกวันนี้ อยู่ศาลาบ้านคำหล่มอีกเดี๋ยวเดียว สามเณรอ่อนสีก็เผ่นออกมา ปล่อยพ่อผมยาวอยู่คนเดียวที่ศาลานั้นเป็นเวลา 3 ปี ต่อมาสามเณรอ่อนสีก็สึกออกมาเป็นฆราวาส ภายหลังได้เป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านคำ ก็เลยไปรับพ่อผมยาวมาอยู่วัดเก่า(วัดร้างเดิม)บ.คำเก่า เป็นครั้งที่ 2 อยู่ได้เพียง 1 ปีก็ส่งไปอยู่บ้านดอนหัน ตำบลบงเหนือ อำเภอสว่างแดนดินอยู่ได้แค่ปีเดียว ชาวบ้านที่นั่นก็เฉดหัวพ่อผมยาวกลับมาอยู่วัดเก่าอีกเป็นคำรบ 3 คราวนี้ก็เลยได้อยู่ประจำไม่ไปไหน ชะรอยชาวบ้านคำเก่า จะเริ่มชินกับพฤติกรรมพ่อผมยาว และคงเห็นว่าคนบ้าคนนี้ไม่มีอันตรายอะไรแค่ด่าเก่งไฟแล่บเท่านั้น พ่อผมยาวอยู่ที่นี่นานเน จนกระทั่งคนแถวนั้นเริ่มรู้จักเล่นหวยเล่นเบอร์ พ่อผมยาวจึงเริ่มแผลงฤทธิ์ ให้เลขเด็ดชาวบ้านจนเจ้ามือระเนระนาดกันไป กิตติศัพท์เลื่องลือจนบังเกิดลาภสักการะ มีผู้คนนำข้าวปลาอาหาร ของใช้ไม้สอยมาถวายแทบทุกวันมิได้ขาด พลิกสถานภาพคนบ้าผู้อดอยากปากแห้ง มาเป็นคนบ้าที่อยู่ดีกินดี แถมมีสมบัติมั่งคั่งอย่างที่ใครก็ไม่อยากจะเชื่อ ต่อจากนั้นก็เริ่มมีอภินิหารแปลกๆปรากฏขึ้น จนในที่สุดคนเริ่มไม่เห็นว่าพ่อผมยาวเป็นคนบ้าอีกต่อไป ผู้เล่าเรื่องอภินิหารพ่อผมยาวคือ นายอ่อนสี ผันผ่อน อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านคำ หรืออดีตสามเณรอ่อนสีนั่นเอง คราวหนึ่งพ่อผมยาวสมัยยังพำนักอยู่วัดเก่าบ้านคำเก่า เกิดฝนตกหนัก น้ำหลากแรงจนแทบล้นห้วยสงคราม พ่อผมยาวชวนนายอ่อนสีไปใส่โต่งในลำห้วยห่างที่พักราว 3 เส้น โต่ง เป็นเครื่องมือดักปลาชนิดหนึ่งของชาวอีสาน บางทีก็เรียกว่า ต่ง ใช้ปอหรือป่านสานเป็นตาข่ายเหมือนแห ตากว้าง 5 นิ้วลงมาเรียกว่าโต่งแต่ถ้าตากว้าง 5 นิ้วขึ้นไปเรียกว่า นาม ถ้าใครรู้จัก มอง ซึ่งก็คือเครื่องมือหาปลาชนิดใกล้เคียงกับโต่งก็จะเข้าใจ แต่มองนั้นไม่ปล่อยลงน้ำลึก ส่วนโต่งปล่อยลงจนถึงพื้นดินก้นน้ำ วิธีปล่อยก็ใช้เรือลำเดียวก็พอ คน 2 คนนั่งหัวเรือและท้ายเรือหย่อนโต่งลงน้ำแล้วเอาเรือทวนกระแสน้ำขึ้นไป เรียกอย่างคุ้นปากคนอีสานก็จะว่า ล่องโต่ง ล่องนาม มอง กับ โต่ง คล้ายกัน, มอง ดักปลาเล็ก แต่โต่งดักปลาใหญ่ หลังจากปล่อยโต่งแล้ว พอถึงตอนจะกู้โต่งเอาปลา ปรากฏว่าก้นโต่งติดอะไรไม่ทราบ ดึงอย่างไรไม่ขึ้น พ่อผมยาวจึงกระโดลงไปในน้ำ มุดลงไปปลดโต่ง ผมที่ยาวของท่านเกิดไปพันกับโต่ง ทั้งยังสวะขุยไผ่ หนักหนาสาหัสขนาดดิ้นไม่หลุดอยู่ใต้น้ำ นายอ่อนสีจะลงไปช่วยก็ไม่ได้ คะเนความสามารถของตนแล้วว่ามีไม่พอ เพราะว่าน้ำเชี่ยวมาก จึงเอาเรือเข้าฝั่งวิ่งไปตามชาวบ้านมาช่วย ได้นายมาก โภคสมบูรณ์ซึ่งเป็นคนเฝ้าวัดมาเพียงคนเดียว ตกลงก็ทำอะไรไม่ได้ นายอ่อนสีจึงตัดใจลงน้ำมุดไปช่วยพ่อผมยาว โดยให้นายมากคอยสังเกตการณ์อยู่บนฝั่ง นายอ่อนสีเล่าว่า พอดำน้ำลงไปคลำเจอขาพ่อผมยาว ก็คืบเข้าไปจนพบว่าผมของท่านติดอยู่กับโต่งและสวะขุยไผ่ แต่ไม่สามารถจะปลดได้ จึงกลับขึ้นบนผิวน้ำ ขึ้นฝั่งหามีดได้เล่มหนึ่งแล้วกลับลงไปใหม่ ค่อยตัดสวะขุยไผ่ได้ และปลดเอาตัวพ่อผมยาวออกมา แต่ความที่น้ำแรงกราก จึงซัดเอาทั้งคู่ไหลไปตามลำห้วยอีก 2 3 เส้น นายอ่อนสีขึ้นฝั่งตะวันออก พ่อผมยาวขึ้นฝั่งตะวันตก แล้วก็เป็นลมล้มพับอยู่ริมฝั่งนั้น จนนายอ่อนสีและนายมากไปช่วยพยาบาลจึงฟื้นขึ้นมาในสภาพอิดโรยมาก ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่สั่นหัว เรื่องแปลกก็คือพ่อผมยาวจมอยู่ในน้ำราวๆ 1 ชั่วโมงน่าจะตายไปแล้วกลับไม่ตาย ที่ปล่อยให้พ่อผมยาวจมน้ำอยู่เป็นชั่วโมงนั้นก็คิดว่าพ่อผมยาวตายไปแล้ว ตั้งแต่ลงน้ำไปปลดโต่งทีแรก และที่ลงไปช่วยก็ไม่ได้หมายว่าจะช่วยให้รอดชีวิต แต่คิดว่าลงไปช่วยกู้เอาศพพ่อผมยาวขึ้นมาเท่านั้น แต่ท่านกลับรอfมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ อีกครั้งหนึ่งพ่อผมยาวชวนนายอ่อนสีไปดักจับเหยี่ยว ได้ทั้งเหยี่ยวแม่ลูกอย่างละตัว ลูกเหยี่ยวได้เลี้ยงไว้จนโต พ่อผมยาวได้เขียนคาถาพันขาเหยี่ยวไว้ แล้วปล่อยให้หากินโดยอิสระ เหยี่ยวตัวนั้นคนดักยิงด้วยปืน หรือหน้าไม้ไม่ถูกจนเป็นที่เลื่องลือ จนในที่สุดนายวิชัย ธานันโทดักจับเหยี่ยวได้ทั้งเป็น จึงเห็นว่าที่ขาเหยี่ยวมีแผ่นคาถาพันไว้ นายวิชัยจึงเก็บรักษาแผ่นคาถานั้นไว้กับตัว ได้นำไปทดลองยิงจนเห็นผลหลายครั้ง ภายหลังฮึกเหิมนำเอาแผ่นคาถาไปใช้ในทางมิจฉาชีพ เที่ยวปล้นวัวควายชาวบ้านจนที่สุดถูกตำรวจยิงตาย ช่วงปลายชีวิตพ่อผมยาว กลับมาพำนักอยู่ที่บ้านแดง จนตลอดอายุขัยไม่ยอมย้ายไปไหนอีก แม้คนบ้านคำจะรวมตัวกันมารับพ่อผมยาวกลับ ก็ยอมแค่ขึ้นรถไปด้วยจนถึงบ้านคำแต่ไม่ยอมลงจากรถ ต้องนำท่านกลับไปส่งบ้านแดงเหมือนเดิม ตลอดเวลาที่อยู่บ้านแดงมีผู้เลื่อมใสนับถือเดินทางมาทั้งจากบ้านใกล้บ้านไกล มาหาท่านมิได้ขาด ท่านมักจะทำด้ายผูกแขนให้ทุกคน แล้วก็เขียนตะกรุดให้คนละดอก คนบ้านแดงเล่าว่า ถ้าเห็นพ่อผมยาวเอะอะด่าทอสารพัดทั้งวันทั้งคืน ประดุจว่าโกรธใครถึงขั้นจะฆ่าใครสักคนให้ระวังตัวให้ดี เพราะว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีในหมู่บ้านเสมอ ร่ำลือกันว่า ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไรในหมู่บ้านแดง ท่านรู้หมด พ่อผมยาวมีชีวิตยืนยาวมาจนปี 2522 ได้ป่วยเป็นโรคเท้าบวมทั้ง 2 ข้าง(สงสัยว่าจะเป็นโรคเท้าช้างหรือโรคไตไม่ทราบ)ไม่ยอมไปหาหมอ ไม่ยอมรับยา โดยบอกว่าถึงเวลาที่จะต้องคายแล้ว ในที่สุดพ่อผมยาวก็ถึงแก่กรรมหลังจากป่วยได้ 1 เดือนมีอายุ 82 ปี ลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือท่าน เก็บศพเอาไว้จนปี 2524 จึงฌาปนกิจศพและพระครูมัญจาภิรักษ์ ได้เก็บกระดูกพ่อผมยาวไว้จนปี 2531 จึงมีนายหล่อ มัสยานนท์พร้อมด้วยเพื่อนฝูงเดินทางมาหา โดยเล่าว่าฝันเห็นพ่อผมยาวจึงเดินทางมาตามความฝัน และพบว่าที่ตนฝันเห็นพ่อผมยาวนั้น กลับเป็นฝันที่มีตัวตนจริง ทั้งๆที่ไม่เคยรู้จักพ่อผมยาวมาก่อน ครั้นสอบถามเกี่ยวกับพ่อผมยาวว่าท่านเป็นอย่างไรก็เกิดความเลื่อมใส และได้รับเป็นเจ้าภาพสร้างวิหารเพื่อเป็นที่เก็บกระดูกพ่อผมยาว และสร้างรูปเหมือนพ่อผมยาวไว้ด้วย กระดูกพ่อผมยาวก็อยู่ในรูปเหมือนเท่าตัวจริงนั่นแหละครับ ในโอกาสเดียวกันนายหล่อได้สร้างเหรียญรูปพระพุทธคู่บารมีไว้อีกรุ่นหนึ่งด้วย บทสรุปนี้มีว่า 1.ในสมัยที่พ่อผมยาวได้ไปเรียนธรรมจากฤษี พอเรียนจบแล้วจะต้องถือข้อปฏิบัติไม่พูดกับใครเป็นเวลา 10 ปี ตอนที่อยู่วัดนอก (วัดสามัคคีบำเพ็ญผล) หนองหาน มีประชาชนบางกลุ่ม ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เข้าใจว่าท่านบ้า เอาก้อนหินและท่อนไม้ขว้างปาท่าน บางครั้งศีรษะแตก ท่านจะถุยน้ำลายใส่ฝ่ามือป้ายแผลเลือดก็หยุด แผลก็หายทันที บางคนเอารังมดแดงเคาะใส่มดก็ไม่กัด 2.เมื่อมาอยู่บ้านแดง หลวงพ่อพิบูลย์แต่งคนไปโกนผมให้ท่าน ปรากฏว่าใครก็โกนไม่เข้า ( เส้นผมไม่ขาด ) ท่านบอกว่าถ้าอยากจะโกนจริงๆต้องใช้มีดของท่านเองจึงจะสำเร็จ หลังจากโกนผมแล้ว ก็เริ่มด่าทอผู้คนว่า ห่ากินผี ผีกินห่า อยู่หลายวัน ปรากฏว่า วัวควายชาวบ้านล้มตาย เพราะโรคห่าทุกครัวเรือน ชาวบ้านมาคารวะท่านแล้ววัวควายที่เหลือจึงรอด 3.เขียนคาถาพันขาเหยี่ยว ปืนหน้าไม้ยิงไม่ถูกเหยี่ยว 4.จมน้ำนาน 1 ชั่วโมงไม่ตาย 5.ชอบจุดไฟเผากองฟางหรือกอไผ่ พอเผาแล้วจะไปยืนขวางไฟไว้ไม่ให้ลุกลามไปไหม้อย่างอื่น แม้ไฟจะลุกท่วมตัวท่านก็ไม่เป็นไร 6.เครื่องรางของขลังที่ท่านทำให้ ปรากฏมีอานุภาพอยู่ยงคงกระพัน และถือไปที่ไหนคำว่า ผี ไม่มีที่นั่น 7.ตอนฌาปนกิจศพท่านจุดไฟไม่ไหม้ ไฟดับหมดแล้วศพท่านกลับยังอยู่เป็นปกติ หลวงพ่อพระครูอมร ธมฺโมภาส(อาจารย์ชม) ต้องทำพิธีตัดร่างกายของท่านเป็นชิ้นๆแล้วโยนเข้ากองไฟทีละชิ้นจึงเผาสำเร็จ บทสรุปนี้ชี้ให้เห็นว่า พ่อผมยาวไม่ธรรมดา บางทีจะเป็นดั่งผู้วิเศษอีกประเภทหนึ่ง ที่ซ่อนตัวตนที่แท้จริงไว้จนมิดชิด แต่กลับเผยส่วนที่จอมปลอมลวงคนให้เข้าใจผิด คนจึงเห็นว่าท่านคือคนบ้า และเห็นเช่นนี้จนตลอดอายุขัยของท่าน |
||||||||||||||||
ราคา
|
- | ||||||||||||||||
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
|
(080-2232214)Golf | ||||||||||||||||
ID LINE
|
Golf (ID LINE:Golf6), (มน ID:090-3569057) | ||||||||||||||||
จำนวนการเข้าชม
|
2,339 ครั้ง | ||||||||||||||||
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
|
ธนาคารกรุงเทพ / 125-4-59948-1
|
||||||||||||||||
|